วิจารณ์หนัง
Doctor Strange
ในหนังเรื่อง
Doctor Strange ได้นักแสดงฝีมือดีอย่าง
Benedict Cumberbatch ที่ฝากผลงานไว้ในหนังดังอย่างเรื่อง Star Trek Into Darkness
และ ซีรีย์ Sherlock Holmes มารับผลเป็น ด็อกเตอร์ สตีเฟน
สเตรนจ์ ซึ้งเป็นหมอศัลยแพทย์ประสาท ที่หยิ่งทะนงในตัวเองและเพียบพร้อมทั้งความสามารถ
ทั้งทางสังคมและเงินทอง เขาได้ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง
ส่งผลให้มือของเขาไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ด็อกเตอร์สเตรนจ์
จึงพยายามหาทุกวิถีทางที่จะสามารถทำให้มือของเขากลับมาใช้งานได้ดั่งเดิม หมดเงินจนไม่เหลืออะไร
และเมื่อ ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ ได้ค้นพบกลุ่มคนที่สามารถรักษามือของเขาได้ ด็อกเตอร์
สเตรนจ์ จึงพาตัวเองมายังคามา-ทาจ เพื่อพบกับ The Ancient One เจ้าแห่งเวทย์มนต์ ซึ่งได้สอนให้ ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ เข้าถึงเวทย์มนต์
แบบที่ทั้งชีวิตเขาไม่เคยเชื่อมาก่อน และทำให้มือของ ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ กลับมาใช้งานได้ปกติ
จากเนื้อเรื่องที่กล่าวมานั้นมีการดำเนินค่อนข้างเร็ว
และมีเพียงบอกกล่าวเพียงสั้นๆ รวบรัด
ทำให้เราไม่อินกับอารมณ์ในความสิ้นหวังของตัวละครด็อกเตอร์ สเตรนจ์
ที่สูญเสียความสามารถในการใช้มือ และ การศึกษาเวทย์มนต์ ได้อย่างเต็มที
ต่อมาเมื่อเขากลายเป็นผู้มีความสามารถทางด้านเวทมนต์
และได้นำพลังมาใช้ในการปกป้องผู้คนจากภัยคุกคามจากมิติหรือพลังมืดต่างๆ
บทพิสูจน์แรกของเขาในฐานะฮีโร่สายเวทย์ คือการได้ต่อสู้กับ เคซิเลียส อตีตศิษย์เอกของ
The
Ancient One ที่ ทรยศไปรับใช้จอมมารอย่าง ดอร์มันมู ฉากต่อสู้เรื่องนี้อาจจะไม่ได้อลังการงานสร้างแบบเรื่องที่ผ่านๆ
มาไม่ว่าจะเป็น Avenger หรือ Civill War แต่เราจะได้เห็นการต่อสู้ของเหล่าจอมเวทย์แบบใหม่ที่ผสมผสานกับวรยุทธที่สวยงามราวกับดูหนังจีนกำลังภายในที่ใช้เวทย์ได้
อาจจะผิดหวังไปเสียหน่อยสำหรับคนที่คาดหวังอยากไปดูเหล่านักเวทย์ที่ใช้พลังกันตูมตามอลังการงานสร้าง
ซึ้งสิ่งที่มาแทนในจุดด้อยนี้ ให้หนังเรื่องนี้สนุกมีความน่าสนใจมากขึ้นคือ
Visual Effect เรียกได้ว่าตัวผู้กำกับเองไปทุ่มเอฟเฟคแบบเต็มอัตตรา
ซึ่งหลายๆ ฉากดูแล้วต้องถึงกับร้องว้าว ในความสวยงาม ความซับซ้อน และ
ความคิดที่แหวกแนว และ ด้วยมุกตลกของหนังที่ทำออกมาได้ดี
และมุกตลกที่ใส่เข้าไปในเรื่องที่เหมือนทาง Marvel จะเอา Doctor
Strange มาแทนเรื่อง Ironman ที่จบไตรภาคไปแล้ว
บทบาทของ ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ ที่มีความคล้ายคลึงกับ โทนี่ สตาร์ค
ที่มีความหลงตัวเองอย่างมาก ทำให้อดคิดไม่ได้ว่านี่อาจจะเป็นหนังที่จะมาแทนที่ Ironman
แต่โดยรวมแล้วเรื่อง Dr.Strange ถือเป็นภาพยนตร์ปฐมบทที่นำเสนอให้เรารู้จักฮีโร่คนใหม่นี้ให้เข้ามาในโลก
Cinematic ของจักรวาน Marvel ได้อยากยอดเยี่ยม
พร้อมทั้งยังมีการเชื่อมโยงไปยังเรื่องอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีในตอนท้ายเครดิตที่มีถึง
2 ตัวเลยทีเดียว
สิ่งที่น่าเสียดายนอกจากการที่เนื้องเรื่องดำเนินค่อนข้างเร็วแล้วก็จะมีอีกหลายๆ
อย่างที่ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักหน่อยไหร่
อีกทั้งพลังเวทย์นั้นไม่ค่อยหลากหลายจนรู้สึกเสียดายน่าจะมีอะไรมาโชว์ได้อีกหลายอย่าง
แต่ทางผู้กำกับนั้นไม่ได้เอาออกมาโชว์ เหมือนจะเก็บไว้ใช้ภาค 2
สุดท้ายในหนังได้ปรากฏของวิเศษอีกชิ้นหนึ่ง
คือ ดวงตาแห่งอกาโมโต้ (Eye of Agamotto) ที่เป็นหนึ่งใน อัญมณีทั้ง 6
อันเป็นขุมพลังไร้ที่สิ้นสุด คือ สิ่งที่ผู้มีอิทธิพลในจักรวาลมาร์เวล ซึ้ง
ดวงตาแห่งอกาโมโต้ (Eye of Agamotto) คือ Time Stone อัญมณีที่สามารถควบคุมมิติเวลาได้
ซึ้งเท่าให้ Infinity Stones ปรากฏออกมา 5
ชิ้นจากทั้งหมด 6 ชิ้น สร้างเนื้อหา
เชื่อมโยงไปยัง Avengers: Infinity War ที่จะฉายในปี201
อีกด้วย
อีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น